ปลามังกร
ลักษณะธรรมชาติ
เป็นปลาน้ำจืด ตระกูลปลากินเนื้อชอบกินสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ เช่น แมลงสาบ ตะขาบ
จิ้งจก ปลาเล็ก มีนิสัยดุร้าย ในบางแห่งเรียกปลาชนิดนี้ว่าปลาตะพัด แต่ในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าปลากรือซอ
ปลาชนิดนี้มีมากในแถบอินโดนีเซีย มาเลเซียและประเทศไทยตอนล่าง
ซึ่งพบในลำน้ำสายบุรี โดยเฉพาะที่บึงน้ำใสตำบลตะโละหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดปลามังกร แหล่งใหญ่แหล่งหนึ่งปลามังกรมี รูปร่างยาวเรียว ตัวแบน
ๆ คล้ายปลากระบอก มีผู้พบขนาดโตเต็มที่ ความยาวประมาณ 2 ฟุต กว่า ๆ ลำตัวกว้างประมาณ 10 นิ้ว เป็นปลาที่มีอายุยืน
การขยายพันธุ์โดยการวางไข่ปีละ 1 ครั้ง
ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน และจะฟักเป็นตัวอ่อนขนาด 1 นิ้ว ประมาณเดือนตุลาคม เป็นปลา ที่ชอบเล่นแสงไฟ ดังนั้นในการจับปลามังกร
จึงมีการใช้แสงไฟล่อให้ปลามาเล่นแสงไฟ
และใช้สวิงดักจับปลามังกรมีสีสรรแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของมันซึ่งแบ่งเป็น 3 ชนิดคือ
1.ปลามังกรเงินเกล็ดจะเป็นสีขาวพบมากในลุ่มแม่น้ำสายบุรีบึงน้ำใส 2.ปลามังกรทอง ลักษณะเกล็ดเป็นสีทองออกแดงเรื่อๆ
เป็นพันธุ์ที่หายากมากในเมืองไทย ไม่ค่อยมีผู้พบ
ส่วนมากจะพบแถบประเทศอินโดนีเซียมาเลเซียมีราคาสูงมาก 3.ปลามังกรอีกชนิดหนึ่ง
ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หายากมากที่สุด เกล็ดสีน้ำเงินคล้ำสลับดำ ราคาซื้อ ขายแพงที่สุด
อดีต ปลากรือซอ ไร้คุณค่า
อาหารปลามังกร
1. แมลง มีหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น จิ้งหรีด หนอนนก แมลงสาบ ตั๊กแตน
การให้อาหารประเภทแมลงมีข้อดีคือปลาชอบกิน ย่อยง่าย
และแมลงส่วนใหญ่จะลอยน้ำทำให้ปลากินง่ายไม่ต้องว่ายหาหรือไล่ล่าในตู้
แต่ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกันก็คือของเสียจากปลาจะมี “เปลือก” ออกมาด้วยเช่นเปลือกหนอน ปีกจิ้งหรีด
และส่วนอื่นๆ ซึ่งเศษของเสียพวกนี้จะลอยน้ำแล้วเกาะตัวเป็นคราบ
หากไม่มีการขัดถูตู้เป็นประจำปล่อยไว้นานเข้าเปลือกเหล่านี้จะฝังตัวแน่นเข้ากับตู้ทำให้ตู้สกปรกไม่น่ามอง
ในท้องตลาดทั่วๆ
ไปจะมีหนอนนกและจิ้งหรีดขายเป็นประจำโดยราคาของหนอนนกจะอยู่ที่ประมาณขีดละ 10-30 บาท ส่วนจิ้งหรีดก็จะขายเป็นถุงๆ ละ 30-50 บาท
2. สัตว์เล็ก เช่น ไรทะเล กุ้งฝอย และลูกกบ ในส่วนของ “กุ้งฝอย” หากฝึกให้ปลากินได้เป็นประจำก็จะเป็นผลดีทำให้ปลามีสีสันที่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปลามังกรแดง
ส่วน “ลูกกบ” ปลาบางตัวก็ชอบ บางตัวก็ไม่ชอบนะครับ
ส่วนใหญ่แล้วลูกกบมักจะเป็นเหยื่อที่ปลากินได้ไม่นาน กินไม่ประจำ แรกๆ
อาจจะชอบแต่พอซักพักก็จะเริ่มเบื่อและกินน้อยลง
ลูกกบเป็นเหยื่อปลาที่ค่อนข้างมีราคาสูงคือขายกันที่ตัวนึงประมาณ 2-5 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนการซื้อ)
3. ลูกปลา นอกจากพวกแมลงและสัตว์เล็กแล้วก็ยังมีพวกปลาเล็กๆ อีกด้วย เช่น ปลาสอด
ปลาหางนกยูง ปลากัด ปลานิล ปลาทอง การให้อาหารประเภทลูกปลามีข้อดีคือปลาโตเร็ว
สีสันสวยงาม และกระตือรือร้นสม่ำเสมอเนื่องจากได้ไล่ล่าลูกปลาเป็นประจำ
แต่การให้ปลาเหยื่อเป็นอาหารก็มีข้อเสียเช่นกันคือ
ปลาบางตัวอาจมีโรคติดมาและเมื่อปลามังกรกินเข้าไปแล้วก็มีอาจผลให้ได้รับเชื้อนั้นด้วย
อีกเรื่องคือ “ปรสิต” ที่ติดมาไม่ว่าจะเป็นเห็บ หรือ หนอนสมอ
(หากหลีกเลี่ยงจากการใช้เหยื่อประเภทนี้ไม่ได้ผมแนะนำให้ล้างลูกปลาเหล่านี้ด้วย “น้ำผสมด่างทับทิม” จางๆ
ซักรอบและล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนใช้อีกครั้งเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและกำจัดปรสิต
การผสมด่างทับทิมเข้มข้นเกินไปมีผลทำให้ลูกปลาตายอย่าลืมระวังที่จุดนี้ด้วยนะครับ)
4. สัตว์เลื่อยคลาน อย่างเช่น จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งกือ… จริงๆ
แล้วสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้ปลามังกรชอบกินมากแต่ติดตรงที่ว่าหายากมีไม่มากนัก
ไม่มีขายตามท้องตลาดใครที่คิดจะให้ก็ต้องขยันจับกันหน่อย
ผมเคยได้ยินว่าการให้เหยื่อพวกนี้แล้วสีปลาจะดีขึ้น
แต่จากที่ทดลองแล้วผลปรากฏว่าไม่ได้มีผลเรื่องสีมากนัก จากที่ไม่แดงก็ไม่ได้แดงขึ้นเท่าไหร่
ส่วนตัวที่แดงอยู่แล้วก็คงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง สำหรับ “กิ้งกือ” ผมไม่แนะนำให้ใช้เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่ามีพิษ
หากให้ปลากินเป็นประจำอาจมีผลร้ายในระยะยาวได้
5. เนื้อสัตว์ ที่นิยมให้ก็มีหลายชนิดเช่น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา เนื้อหมู หรือเนื้อชนิดอื่นๆ เหยื่อปลาชนิดนี้ผมแนะนำให้ล้างให้สะอาดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไข่พยาธิหรือสิ่งสกปรกชนิดอื่นๆ หลงเหลืออยู่ แล้วในการให้จริงก็ควรตัดชิ้นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ จะได้กินง่ายกลืนสบายๆ... จริงๆ แล้วเนื้อสัตว์พวกนี้ไม่ค่อยเหมาะกับระบบการย่อยปลามังกรนัก (ยกเว้นเนื้อกุ้งและเนื้อปลา) การให้กินเป็นประจำอาจมีผลทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี อันจะเป็นที่มาของโรค “ริดสีดวง” ได้
5. เนื้อสัตว์ ที่นิยมให้ก็มีหลายชนิดเช่น เนื้อกุ้ง เนื้อปลา เนื้อหมู หรือเนื้อชนิดอื่นๆ เหยื่อปลาชนิดนี้ผมแนะนำให้ล้างให้สะอาดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไข่พยาธิหรือสิ่งสกปรกชนิดอื่นๆ หลงเหลืออยู่ แล้วในการให้จริงก็ควรตัดชิ้นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ จะได้กินง่ายกลืนสบายๆ... จริงๆ แล้วเนื้อสัตว์พวกนี้ไม่ค่อยเหมาะกับระบบการย่อยปลามังกรนัก (ยกเว้นเนื้อกุ้งและเนื้อปลา) การให้กินเป็นประจำอาจมีผลทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี อันจะเป็นที่มาของโรค “ริดสีดวง” ได้
6. อาหารเม็ด ข้อดีของอาหารเม็ดก็คือมีสารอาหารที่จำเป็นและวิตามินครบถ้วนซึ่งช่วยในการช่วยเพิ่มสีสันและความสมบูรณ์ให้กับตัวปลา
ในท้องตลาดบ้านเรามีหลายยี่ห้ออย่างเช่นของ Hikari, Tetra และ Azoo โดยที่อาหารเม็ดเหล่านี้ถูกทำมาเพื่อสำหรับปลามังกรโดยเฉพาะ
มีการแต่งกลิ่นและรูปทรงให้ดูเหมือนเป็นกุ้งหรือลูกปลาตัวเล็กๆ
ทำให้ปลาสนใจมากขึ้น แต่ปกติแล้วผู้เลี้ยงปลามังกรมักไม่ค่อยให้กินอาการเม็ดกันนั่นไม่ใช่เพราะแพงหรือหาซื้อยากอะไรนะครับ
แต่เพราะปลาไม่ค่อยกิน กินน้อย หรือกินได้ไม่นานแค่ระยะหนึ่งก็เลิก
7. เมนูพิเศษ ปัจจุบันในท้องตลาดมีสัตว์แปลกๆ
มาขายเพื่อเป็นเหยื่อให้กับปลามังกรอย่างเช่น แมงป่อง ตะขาบ
หนอนยักษ์และลูกตะพาบน้ำ ทั้ง 4 อย่างนี้ถือเป็นเมนูพิเศษที่ไม่ค่อยจะเหมาะนักกับปลามังกรแต่ว่ามันก็ชอบกินมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ชนิดแรกที่เชื่อกันว่าจะทำให้ปลามีสีสันดี สวยงาม
เพราะมีสารเร่งสีตัวนั้นนี้ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
การเสนอขายเหยื่อแต่ละอย่างก็ราคาสูงมากอย่างเช่นตะขาบตัวนึงตกอยู่ที่ 50-80 บาท (ตัดเขี้ยวแล้ว) แมงป่องก็ 15-20 บาท หนอนยักษ์ (คล้ายๆ
หนอนนกแต่มีขนาดใหญ่กว่าประมาณ 10-20 เท่า)
ราคาตัวละ 4 บาท ส่วนลูกตะพาบก็ตัวละประมาณ 5 บาท...
เมนูพิเศษที่ว่านี้เหมาะสำหรับปลาใหญ่ที่มีขนาดตั้งแต่ 1 ฟุตขึ้นไปนะครับ ในปลาเล็กไม่แนะให้ใช้
เหยื่อปลาชนิดนี้ผมถือเป็น “มื้อโอชา” ที่ให้นานๆ ทีดีกว่า
ปัจจุบันผู้เลี้ยงปลามังกรค่อยๆ ลดความนิยมในการใช้ “แมลงสาบ” เป็นอาหารปลาเนื่องจากว่าใหญ่เกินไป
คับปาก แข็ง กลืนกินยากซึ่งจะมีผลกับปากและกรามของปลาทำให้อาจเสียรูปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้กินแมลงสาบตั้งแต่เล็กๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสกปรกจากเครื่องในของตัวแมลงสาบเวลาที่ปลากัดเคี้ยวแล้วมีเศษซากหลงเหลืออยู่
เรื่องกลิ่นสาบจากตัวแมลงเช่นกันหากเป็นตู้ที่ขาดดูแล
ไม่มีการเปลี่ยนน้ำอย่างสม่ำเสมอก็จะมีกลิ่นเหม็นอับน่ารังเกียจ ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องสารพิษจากยาฆ่าแมลงซึ่งก็ไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าแมลงสาบตัวที่เราให้จับให้ปลากินมีที่มาจากไหน
โดนยาฆ่ามารึเปล่า ? มีปลามังกรจำนวนไม่น้อยนะครับที่ ต้องเสียไปจากเหยื่อปลาที่มียาฆ่าแมลง
ส่วนเหยื่ออีกชนิดที่ถูกลดความนิยมลงไปก็คือ “ลูกปลาทอง” เนื่องจากว่าปลาชนิดนี้มีไขมันสูงซึ่งอาจะเป็นผลให้ปลาอ้วน
เสียทรง ว่ายน้ำไม่สวยสง่างาม ที่สำคัญคือ “ตาตก” เร็ว
เหยื่อปลากับการดูแลรักษา
สำหรับการดูแลรักษาเหยื่อปลา
หลายท่านที่ไม่เคยเลี้ยงปลามังกรมาก่อนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ได้สำคัญอะไร
ทำไมต้องไปใส่ใจด้วย ? แต่จริงๆ
แล้วมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ทั้งปัญหาจิ้งหรีดตายจำนวนมาก
หนอนนกโดนมดขึ้น กุ้งฝอยกระหน่ำตายหลังจากซื้อมาแค่วันเดียว...
นี่แหละครับที่เป็นปัญหา หลายคนก็วิธีทางแก้ที่แตกต่างกันไป
แต่โดยมากแล้วมักจะจบลงที่การ“แช่แข็ง” หรือ Freeze เหยื่อปลาเหล่านั้น
การแช่แข็งเป็นการถนอมอาหารที่ดีที่สุดอีกวิธีเพราะทำให้คงความสดของอาหารได้นานและเก็บได้ครบทุกตัว
เหยื่อปลาส่วนใหญ่ที่มักจะใช้วิธีแช่แข็งก็คือ “กุ้งฝอย” และพวกเนื้อสัตว์
ส่วนอย่างอื่นเช่นหนอนนกและจิ้งหรีด
หลังการแช่แข็งแล้วปลาจะไม่ค่อยชอบคือจะกินน้อยลงมาก
ยังไงก็ตามโดยสันชาตญาณแล้วปลามังกรจะชอบของเป็นมากกว่าของตาย
และเพราะแบบนั้นในการรักษาเหยื่อที่ยังเป็นให้มีชีวิตยาวนานขึ้นเราก็ต้องมีเทคนิคการดูแลกันหน่อย...
เอาล่ะครับ ! เรามาเริ่มต้นที่
หนอนนก... หนอนนกเป็นเหยื่อตระกูลแมลงที่เมื่อโตขึ้นเต็มวัยแล้วจะเป็นแมลงปีกแข็งชนิดนึง (ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเรียกว่าแมลงอะไร ? แต่ปลามังกรก็สามารถกินได้) อาหารชนิดนี้เป็น Basic สำหรับปลามังกร กินง่าย (โดยเฉพาะตัวอ่อนสีขาว) มีโปรตีนสูง
ปัญหาของหนอนนกที่มักจะเจอก็คือโดน “มดขึ้น” หรือไม่ก็โดนเจ้าจิ้งจกแอบกิน... ปัญหามดขึ้นเป็นปัญหาที่รุนแรงมากเพราะต้องเสียหนอนนกไปทั้งหมดต่างกับกรณีที่จิ้งจกแอบกินเพราะแบบนั้นคือหายเป็นตัวๆ ไปเสียไปเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นมดขึ้นแล้วเรื่องใหญ่ เสียเหยื่อแล้วยังต้องเสียเวลาไปหาซื้อมาใหม่อีก วิธีแก้ไขสำหรับกรณีมดขึ้นก็คือเตรียมถาดไว้ 2 อันๆ แรกใช้ขนาดเล็กเพื่อสำหรับเก็บหนอนนก ส่วนอีกอันเป็นขนาดใหญ่เพื่อรองน้ำใส่กันมดขึ้น แล้วก็มีฝาปิดที่เป็นช่องๆ สามารถระบายอากาสได้มาปิดด้านบนซักอันเพื่อป้องกันเจ้าจิ้งจกขี้ขโมยมาแอบกิน ที่สำคัญคือต้องหมั่นคอยดูเติมน้ำไว้เสมอเพราะหากน้ำแห้งเมื่อไหร่ขบวนมดแดงที่จ้องรออยู่แล้วก็จะเคลื่อนทับทันที ต่อไปก็เป็นเรื่องของอาหารที่ใช้หล่อเลี้ยงพวกมันให้อยู่ได้นานๆ อาหารสำหรับหนอนนกที่นิยมใช้คือ “รำแห้ง” ซึ่งสามารถขอซื้อได้จากร้านที่ขายหนอนนกเลย นอกจากนี้เรายังสามารถให้อาหารไก่ อาหารปลาดุก หรือผักแห้งเช่น กะหล่ำปลี การเลี้ยงหนอนนกเป็นจำเป็นต้องมีตระแกรงร่อนซักอันเพื่อไว้ร่อนเปลือกหนอนเวลาที่ลอกคราบและร่อนขี้หนอนออกก่อนจะให้ปลากิน
NOTE : อาหารที่ให้หนอนนกควรเป็นอาหารแห้งเพราะถ้าเราให้อาหารเปียกเช่นแครอท แตงกวา ถั่วงอกดิบ หรือผลไม้อื่น ขี้หนอนจะเปียกจะส่งผลให้ภายในถาดชื้นและถ้าชื้นมากๆ ก็จะทำให้หนอนอับตาย
จิ้งหรีด... จิ้งหรีดก็เป็นเหยื่อตระกูลแมลงอีกชนิดที่เป็นที่นิยมอย่างมาก แล้วตอนนี้ก็เป็นสัตว์เศรษฐกิจไปแล้ว มีการเพาะขายกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ปลามังกรชอบกินจิ้งหรีดมาก บางตัวไม่เคยกินแล้วมาได้ลิ้มลองอาจจะติดใจจนไม่สนอาหารชนิดอื่นซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนที่จิ้งหรีดหายากๆ ผู้เลี้ยงคงปวดหัวไปตามๆ กัน แต่ปัจจุบันมีกันเต็มตลาดปัญหาที่ว่าจึงหมดไป
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับจิ้งหรีดก็คือมักจะตายง่าย ตายทุกวันๆ ละนิดละหน่อย ส่วนสาเหตุการตายก็อ่อนแอตายบ้าง กัดกันตายบ้าง โดนมดกัดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จิ้งหรีดมักจะตายในที่เลี้ยงที่คับแคบ (ในกรณีที่จำนวนหนาแน่น) ยังไงก็ตามการจะเก็บรักษาจิ้งหรีดให้อยู่นานๆ อันดับแรกต้องเตรียมเนื้อที่เพียงพอโดยเน้นความกว้างของภาชนะที่ใส่ให้มีส่วนสูงซัก 15 ฟุตและกว้างยาวประมาณ 1x1 ฟุต (ขนาดตัวอย่างสำหรับจิ้งหรีด 100 ตัว) มีตะแกรงปิดกันจิ้งหรีดกระโดดหนีที่สำคัญคือมีถาดรองน้ำซักอันกันมดขึ้น ส่วนอาหารจิ้งหรีดก็แบบเดียวกับกับหนอนนกครับคือ รำแห้ง อาหารปลา อาหารไก่ แต่ต่างกันตรงที่สามารถให้อาหารชื้อกับจิ้งหรีดได้ซึ่งก็คือผักและผลไม้เช่น แตงกวา ผักกาดหอม ชมพู่ มะม่วง ให้จิ้งหรีดกินอาหารวันเว้นวันก็พอและที่สำคัญควรมีน้ำด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ผักและผลไม้กินเป็นประจำแล้วก็ไม่ต้องครับ สุดท้ายก็หมั่นทำความสะอาดภาชนะที่เลี้ยงด้วยและหมั่นคัดตัวตายออกเป็นประจำเพื่อเจ้าจิ้งหรีดจะได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมเป็นอาหารสุดอร่อยของปลาที่รักของเรา
หนอนนก... หนอนนกเป็นเหยื่อตระกูลแมลงที่เมื่อโตขึ้นเต็มวัยแล้วจะเป็นแมลงปีกแข็งชนิดนึง (ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเรียกว่าแมลงอะไร ? แต่ปลามังกรก็สามารถกินได้) อาหารชนิดนี้เป็น Basic สำหรับปลามังกร กินง่าย (โดยเฉพาะตัวอ่อนสีขาว) มีโปรตีนสูง
ปัญหาของหนอนนกที่มักจะเจอก็คือโดน “มดขึ้น” หรือไม่ก็โดนเจ้าจิ้งจกแอบกิน... ปัญหามดขึ้นเป็นปัญหาที่รุนแรงมากเพราะต้องเสียหนอนนกไปทั้งหมดต่างกับกรณีที่จิ้งจกแอบกินเพราะแบบนั้นคือหายเป็นตัวๆ ไปเสียไปเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นมดขึ้นแล้วเรื่องใหญ่ เสียเหยื่อแล้วยังต้องเสียเวลาไปหาซื้อมาใหม่อีก วิธีแก้ไขสำหรับกรณีมดขึ้นก็คือเตรียมถาดไว้ 2 อันๆ แรกใช้ขนาดเล็กเพื่อสำหรับเก็บหนอนนก ส่วนอีกอันเป็นขนาดใหญ่เพื่อรองน้ำใส่กันมดขึ้น แล้วก็มีฝาปิดที่เป็นช่องๆ สามารถระบายอากาสได้มาปิดด้านบนซักอันเพื่อป้องกันเจ้าจิ้งจกขี้ขโมยมาแอบกิน ที่สำคัญคือต้องหมั่นคอยดูเติมน้ำไว้เสมอเพราะหากน้ำแห้งเมื่อไหร่ขบวนมดแดงที่จ้องรออยู่แล้วก็จะเคลื่อนทับทันที ต่อไปก็เป็นเรื่องของอาหารที่ใช้หล่อเลี้ยงพวกมันให้อยู่ได้นานๆ อาหารสำหรับหนอนนกที่นิยมใช้คือ “รำแห้ง” ซึ่งสามารถขอซื้อได้จากร้านที่ขายหนอนนกเลย นอกจากนี้เรายังสามารถให้อาหารไก่ อาหารปลาดุก หรือผักแห้งเช่น กะหล่ำปลี การเลี้ยงหนอนนกเป็นจำเป็นต้องมีตระแกรงร่อนซักอันเพื่อไว้ร่อนเปลือกหนอนเวลาที่ลอกคราบและร่อนขี้หนอนออกก่อนจะให้ปลากิน
NOTE : อาหารที่ให้หนอนนกควรเป็นอาหารแห้งเพราะถ้าเราให้อาหารเปียกเช่นแครอท แตงกวา ถั่วงอกดิบ หรือผลไม้อื่น ขี้หนอนจะเปียกจะส่งผลให้ภายในถาดชื้นและถ้าชื้นมากๆ ก็จะทำให้หนอนอับตาย
จิ้งหรีด... จิ้งหรีดก็เป็นเหยื่อตระกูลแมลงอีกชนิดที่เป็นที่นิยมอย่างมาก แล้วตอนนี้ก็เป็นสัตว์เศรษฐกิจไปแล้ว มีการเพาะขายกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ปลามังกรชอบกินจิ้งหรีดมาก บางตัวไม่เคยกินแล้วมาได้ลิ้มลองอาจจะติดใจจนไม่สนอาหารชนิดอื่นซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนที่จิ้งหรีดหายากๆ ผู้เลี้ยงคงปวดหัวไปตามๆ กัน แต่ปัจจุบันมีกันเต็มตลาดปัญหาที่ว่าจึงหมดไป
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับจิ้งหรีดก็คือมักจะตายง่าย ตายทุกวันๆ ละนิดละหน่อย ส่วนสาเหตุการตายก็อ่อนแอตายบ้าง กัดกันตายบ้าง โดนมดกัดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จิ้งหรีดมักจะตายในที่เลี้ยงที่คับแคบ (ในกรณีที่จำนวนหนาแน่น) ยังไงก็ตามการจะเก็บรักษาจิ้งหรีดให้อยู่นานๆ อันดับแรกต้องเตรียมเนื้อที่เพียงพอโดยเน้นความกว้างของภาชนะที่ใส่ให้มีส่วนสูงซัก 15 ฟุตและกว้างยาวประมาณ 1x1 ฟุต (ขนาดตัวอย่างสำหรับจิ้งหรีด 100 ตัว) มีตะแกรงปิดกันจิ้งหรีดกระโดดหนีที่สำคัญคือมีถาดรองน้ำซักอันกันมดขึ้น ส่วนอาหารจิ้งหรีดก็แบบเดียวกับกับหนอนนกครับคือ รำแห้ง อาหารปลา อาหารไก่ แต่ต่างกันตรงที่สามารถให้อาหารชื้อกับจิ้งหรีดได้ซึ่งก็คือผักและผลไม้เช่น แตงกวา ผักกาดหอม ชมพู่ มะม่วง ให้จิ้งหรีดกินอาหารวันเว้นวันก็พอและที่สำคัญควรมีน้ำด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ผักและผลไม้กินเป็นประจำแล้วก็ไม่ต้องครับ สุดท้ายก็หมั่นทำความสะอาดภาชนะที่เลี้ยงด้วยและหมั่นคัดตัวตายออกเป็นประจำเพื่อเจ้าจิ้งหรีดจะได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมเป็นอาหารสุดอร่อยของปลาที่รักของเรา
ปลามังกรกับฮวงจุ้ยดีดี
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีโอกาสได้ดูรายการเกี่ยวกับฮวยจุ้ย
ซึ่งครั้งนี้เสนอเกี่ยวกับปลามังกร
เลยขอบอกกล่าวเผื่อว่ามีนักถ่ายภาพท่านใดสนใจเรื่องฮวยจุ้ยกับเรื่องปลานะ ครับ
ถ้าไม่สมควรในการลงข้อความนี้อย่างไรรบกวนแจ้งได้ครับ
บทความนี้เป็นเรื่องราวของอาทิตย์ที่แล้วครับ "weekที่ 1 ผ่านพ้นเรื่องฮวงจุ้ยดีดีกับ 12 นักษัตรกันไปแล้ว ครั้งนี้ วิลลี่ แมคอินทอช
จะพาไปรู้จักกับสิ่งมงคลอีกชนิดหนึ่ง ปลาอะโรวาน่า หรือ ปลามังกร , ปลานำโชค
แล้วแต่ใครจะเรียกเพราะปลาชนิดนี้มีเรื่องเล่ามากมาย คุณสิทธิธรรม เรืองจรุงพงศ์
เจ้าของ อะโรวาน่า ฟาร์ม ซึ่งรักการเลี้ยงปลาชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจบอกว่า “สายพันธุ์ที่นิยมและเป็นมงคลตามความเชื่อคือ
แดงอินโด , ทองอินโด และ ทองมาเลย์ ราคาเริ่มต้นประมาณตัวละ 10,000 แพงสุดตัวละล้านกว่าบาทก็มี
ผมเลี้ยงด้วยความชอบจนเริ่มทำเป็นธุรกิจถือว่าทำเงินได้ดีทีเดียว ความเชื่อของปลาอะโรวาน่ามีมากมาย
อย่างผมเคยเจอกับตัวเองต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้วไม่ได้ไป
ปรากฏว่าทริปนั้นครอบครัวผมประสบอุบัติเหตุ
โชคดีไม่มีใครเป็นอะไรแต่ปลาที่ผมเลี้ยงไว้อยู่ดีๆ
ก็ตายในวันที่ครอบครัวเรามีเรื่อง ผมรู้สึกว่าเค้ารับเคราะห์แทนครอบครัวเรา เคยมีคนรู้จักเล่าให้ฟังว่าพอเลี้ยงปลาชนิดนี้แล้วถูกล๊อตเตอรี่ตลอด
อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ” ทางด้าน อ.วิศิษฎ์ เตชะเกษม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุ้ยบอกว่า “ปลาอะโรวาน่าเป็นปลาที่มีลักษณะดี
มีหนวดเหมือนมังกร มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีสีสันสวยงาม ยิ่งถ้าคนไหนเลี้ยงจนเกล็ดขึ้นสีทอง
สีแดง เรียงสวย เค้าบอกว่าจะยิ่งให้โชคลาภ
เพราะปลาในทางศาสตร์ฮวงจุ้ยหมายถึงความร่ำรวย เงินทองอยู่แล้ว” นอกจากนี้ช่วงท้ายเจ้าของฟาร์มยังใจดีแนะนำวิธีจะเลือกซื้อปลา
อ้างอิงจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น