การเลี้ยงดูปลามังกร
1. การเตรียมตู้ การเลี้ยงปลามังกรนั้นผู้เลี้ยงต้องคำนึงถึงเรื่องตู้เป็นอันดับแรก มาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เลี้ยงนั้นคือ 60*24*24 นิ้ว หรือ ประมาณ 150*60*60 ซม. จะสามารถเลี้ยงจากขนาดเล็กที่มีขายตามร้านค้าทั่วไปจนถึง ขนาด 24 นิ้ว จะสามารถทำให้ท่านเลี้ยงได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วจึงค่อยขยับขยาย” แต่หากท่านที่มีเนื้อที่
ค่อนข้างจำกัดจริงๆก็สามารถเลี้ยงได้ตลอดไป แต่กระจกที่ใช้ควรจะหนาประมาณ 3 หุน ขึ้นไป และ ในกรณีที่พอมีเนื้อที่ในด้านกว้างที่พอจะเพิ่มได้ควรจะกว้างอย่างน้อย 30 นิ้ว หรือ 75 ซม. สูง 36 นิ้ว แต่จะให้ดีก็ กว้าง 36 นิ้ว หรือ 90 ซม. สูง 36 นิ้ว ไปเลยก็จะดี ปลาขนาดใหญ่จะได้ไม่เครียด”( ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อกันกระโดดด้วย ประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของปลา ) ที่ผมแนะนำอย่างนี้ก็เพื่อผู้เลี้ยงจะไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อตู้บ่อยๆ แล้วตู้ที่ไม่ได้ใช้เกะกะเต็มบ้านจนต้องยอมขายถูกๆหรือไม่ก็ยกให้ใครไปฟรีๆ แต่ปัญหาที่พบบ่อยปลาเล็กในตู้ขนาดใหญ่ คือ ตื่นกลัว ทำให้การว่ายไม่สง่า ครีบลู่ วิธีแก้คือ หาแท้งค์เมท มาเพิ่มสัก 2-5 ตัว แล้วแต่ขนาดของตู้ ปลาที่ผมอยากจะแนะนำได้แก่ ปลานกแก้ว เป็นตัวหลัก เพราะ เป็นปลาที่ไม่มีข้อเสีย เลย แถมยังข้อดีเพียบ แต่ ไม่ควรใส่จนเยอะเกินไป หรือ นำนกแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าปลามังกรใส่ลงไป ก็จะสามารถแก้อาการตื่นกลัวได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ปลาตื่นกลัว เช่น เด็กชอบมาทุบกระจก หรือ ตู้ปลาอยู่ตรงทางเดินที่มีคนพลุกพล่าน เป็นต้น
ในกรณีท่านที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ เมื่อปลาได้ขนาด 16 –18 นิ้วแล้วจึงย้ายปลาไปอยู่ในตู้ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ปลาที่ท่านเลี้ยงโตขึ้นโดยไม่สะดุด และการว่ายจะไม่มีปัญหา และปลาจะไม่เกิดความเครียด เมื่อท่านเลือกขนาดตู้ที่เหมาะสมแล้วนั้นการเลือกระบบการกรองชีวภาพ และรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น
2. น้ำที่ใช้เลี้ยงปลา จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน บางท่านอาจจะใช้การพักน้ำให้คลอรีนระเหยบ้าง ใช้เครื่องกรองน้ำบ้าง ( ข้อควรระวัง ห้ามใช้เครื่องกรองที่มีวัสดุกรองเป็นเรซินหรือเครื่องกรองน้ำที่ใช้ดื่ม วัสดุกรองที่ใช้กรองคลอรีนจะต้องเป็นถ่านกะลาเท่านั้น หากใช้คาร์บอนชนิดอื่นอาจทำให้น้ำเป็นด่างสูงเป็นอันตรายต่อปลาได้ ) คุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงปลามังกรนั้นค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากให้ผมแนะนำการที่จะได้มาซึ่งคุณภาพน้ำสูงสุดนั้น ควรใช้น้ำปะปาแล้วต่อเครื่องกรองคลอรีนแล้วนำน้ำไปพักให้ตกตะกอนหากน้ำที่พักทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวันควรมีหัวทรายตีน้ำไว้เพื่อคงระดับออกซิเจนในน้ำเพื่อป้องกันน้ำเสีย จะทำให้ท่านได้น้ำที่ปราศจากคลอรีน ใสไม่มีตะกอน และมีออกซิเจนสูง อุณหภูมิน้ำในตู้บริเวณผิวน้ำควรอยู่ระหว่าง 30-34 องศาเซลเซียส น้ำที่ต้องห้ามใช้เลี้ยงปลามังกร ได้แก่ น้ำที่มีสารเคมีทุกชนิดปนอยู่ น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างสูง น้ำฝน น้ำบาดาล น้ำสกปรก คือน้ำที่มีออกซิเจนละลายอยู่ในปริมาณต่ำ
ที่ใช้เลี้ยงปลามังกรก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งมีผลโดยตรงกับการเจริญเติบโตของปลา รวมถึงรูปทรงและสีสันของปลา อาหารที่ใช้เลี้ยงได้แก่ แมลงเกือบทุกชนิด ลูกปลา หนอน ไส้เดือน กบ กุ้งฝอย เนื้อกุ้ง รวมทั้ง อาหารเม็ด การให้อาหารปลามังกรนั้นไม่จำกัดตายตัว ว่าจะต้องกินอย่างไร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ความสะดวกของผู้เลี้ยง และอุปนิสัยการกินของปลาประกอบเข้าด้วยกัน แต่ที่ผมจะแนะนำคือ ปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละวันนั้นจะต้องไม่มาก หรือน้อยเกินไป โดยส่วนมากแล้วเมื่อปลาอิ่มจะไม่สนใจอาหารแล้วเชิดหน้าใส่ ยกเว้นจะเป็นของที่โปรดปรานจริงๆจึงจะฝืนกินจนพุงกางบางท่านชอบทำแบบนี้แล้วชอบใจว่าปลาของเรากินเก่ง แต่ผลเสียก็คือ ปลาของท่านจะเป็นโรคอ้วน เสียทรง ตาตก เพราะอาหารที่พวกมัน โปรดปรานส่วนใหญ่หนีไม่พ้นอาหารที่มีไขมันสูง อันได้แก่ หนอนนก หนอนยักษ์ จิ้งหรีด กบ ตะพาบ ซึ่งอาหารจำพวกนี้ควรควบคุมปริมาณที่ให้ในแต่ละวัน แต่จะงดไปเลยก็ไม่ดี เพราะจะทำให้ปลาท่านไม่โต หรือโตช้า เนื่องจากอาหารจำพวกนี้จะอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการเจริญเติบโต การให้อาหารที่ดีนั้น ท่านควรสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆเพื่อสุขภาพปลาของท่านจะแข็งแรงมีภูมิต้านทานสูง เหมือนกับคนเราที่ได้รับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้
เคล็ดลับการเลี้ยงปลามังกรให้โตเร็ว
ปลามังกรจัดเป็นปลาที่มีราคาแพงทั้งในประเทศแลละต่างประเทศ ซึ่งถ้าได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วราคาอาจสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว ผู้เลี้ยงปลามังกรหลายท่านเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงแล้วจะมีโชคลาภ จึงทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลามังกรไม่เคยตกลงเลย มีผู้เลี้ยงบางท่านยอมลงทุนอย่างมากเพื่อที่จะได้ปลาชนิดนี้มาเลี้ยงโดยไม่ต้องคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ปลามังกรตัวโตๆจะมีเกล็ดมันวาว แต่สำหรับบางท่านที่ต้องการเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้
1. อาหาร
สารอาหารที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของปลามังกร คือ โปรตีน และแคลเซียม สารอาหารเหล่านี้เราหาได้จาก ปลา นั่นเอง ดังนั้นการให้ลูกปลาเป็นอาหารจะให้ผลดีที่สุด แต่ก็ควรสลับกับอาหารชนิดอื่นๆบ้าง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารชนิดนี้ควรล้างและลวกซะก่อน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อบางชนิด บางท่านให้กินแมลงสาบเป็นอาหาร ซึ่งวิธีนี้ควรทบทวนให้ดี เพราะแมลงสาบเป็นพาหะอย่างหนึ่งที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวปลา ส่วนการให้ปลากินอาหารนั้น ควรให้ในปริมาณน้อยๆแต่ให้ถี่ๆ แต่คงจะยากสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งเฝ้าดูปลากินอาหารทั้งวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำให้ฝึกปลากินอาหารให้เป็นเวลาจะดีที่สุด
2.อากาศ
เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา
3.น้ำ
น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที
4. อุณหภูมิ
ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่
5.สภาพแวดล้อม
จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น
6.โรคภัย
โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุดเพียงแค่ท่านปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้ ท่านก็จะได้เห็นปลามังกรที่โตเร็วและแข็งแรงเป็นผลตอบแทน
ปลามังกรจัดเป็นปลาที่มีราคาแพงทั้งในประเทศแลละต่างประเทศ ซึ่งถ้าได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วราคาอาจสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว ผู้เลี้ยงปลามังกรหลายท่านเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงแล้วจะมีโชคลาภ จึงทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลามังกรไม่เคยตกลงเลย มีผู้เลี้ยงบางท่านยอมลงทุนอย่างมากเพื่อที่จะได้ปลาชนิดนี้มาเลี้ยงโดยไม่ต้องคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ปลามังกรตัวโตๆจะมีเกล็ดมันวาว แต่สำหรับบางท่านที่ต้องการเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้
1. อาหาร
สารอาหารที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของปลามังกร คือ โปรตีน และแคลเซียม สารอาหารเหล่านี้เราหาได้จาก ปลา นั่นเอง ดังนั้นการให้ลูกปลาเป็นอาหารจะให้ผลดีที่สุด แต่ก็ควรสลับกับอาหารชนิดอื่นๆบ้าง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารชนิดนี้ควรล้างและลวกซะก่อน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อบางชนิด บางท่านให้กินแมลงสาบเป็นอาหาร ซึ่งวิธีนี้ควรทบทวนให้ดี เพราะแมลงสาบเป็นพาหะอย่างหนึ่งที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวปลา ส่วนการให้ปลากินอาหารนั้น ควรให้ในปริมาณน้อยๆแต่ให้ถี่ๆ แต่คงจะยากสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งเฝ้าดูปลากินอาหารทั้งวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำให้ฝึกปลากินอาหารให้เป็นเวลาจะดีที่สุด
2.อากาศ
เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา
3.น้ำ
น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที
4. อุณหภูมิ
ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่
5.สภาพแวดล้อม
จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น
6.โรคภัย
โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุดเพียงแค่ท่านปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้ ท่านก็จะได้เห็นปลามังกรที่โตเร็วและแข็งแรงเป็นผลตอบแทน
เปิดกรุตำนานสายพันธุ์ปลามังกร
ปลามังกร คนไทยเรียกว่าปลาตะพัดหรือปลามังกร คนจีนเรียกว่าเล่งฮื้อ ฝรั่งเรียกว่าปลาอโรวาน่า เป็นปลาโบราณอยู่ในตระกูล "Osteoglossidae" ซึ่งเป็นตระกูลของปลาที่มีลิ้นเป็นกระดูกแข็ง Bony Tougue ได้มีการขุดค้นพบซากฟอลซิลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ปลาชนิดนี้พบ กระจายอยู่ใน 4 ทวีปทั่วโลก คือ ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปอัฟริกา และทวีป ออสเตรเลีย โดยปลาที่มาจากแต่ละทวีปจะมีรูปร่างลักษณะเด่นพิเศษที่แตกต่างกัน ทวีปเอเชีย ได้แก่
1.ปลาตะพัดทองมาเลย์ (Malaysia Golden Arowana) (Scleropages formosus) แหล่งกำเนิดประเทศมาเลเซียโตเต็มที่ ขนาด 80cm. การเปิดของเกล็ดจะเปิดสูง ข้ามหลังเลยก็มีให้เห็นมาก ภายในเกล็ดจะมีสีสวยเงางาม เป็นปลายอดนิยมอันดับหนึ่ง ปัจจุบันที่นิยมเลี้ยงกันมีอยู่ 2สายพันธุ์
ทองมาเลย์ฟูลโกล์ด (Full Gold) เกล็ดเงางามจะเป็นสีทองเหลืองอร่ามทั้งตัว สวยจับตาจับใจเลยทีเดียว
ทองมาเลย์ฟูลโกล์ด (Full Gold) เกล็ดเงางามจะเป็นสีทองเหลืองอร่ามทั้งตัว สวยจับตาจับใจเลยทีเดียว
ทองมาเลย์บลูเบสร์ (Blue Base) เกล็ดภายในจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม-ม่วงขอบเกล็ดจะเป็นสีทองยิ่งบางยิ่งนิยมมาก (Thin Frame Blue Base)
2.ปลาตะพัดแดงอินโด (Super Red Arowana) (Scleropages formosus) แหล่งกำเนิดประเทศอินโดนิเซียโตเต็มที่ขนาด 80cm.เป็นปลายอดนิยมอีกตัวหนึ่งของหลายๆท่านที่มีรสนิยมชอบปลาสีแดง มีหลายหลากสีให้เห็นในเกล็ดสีของปลา เช่น เกล็ดสีแดงพริกขี้หนู เกล็ดสีแดงเลือดหมู เกล็ดสีแดงน้ำเงิน-ม่วง ส่วนสีที่รองลงมาจะมี เกล็ดสีส้มและพวกสีอ่อน ปลาแดงอินโดจะมี 2 เกรด
แดงอินโดเกรด A เกล็ดสีของปลาจะมีสีเข้มเงางาม เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่นิยมปลาแดง ราคาแพงกว่า ตัวขนาด 4” - 6” เริ่มที่ราคา 4 หมื่นบาทขึ้นไป สีที่ไม่เข้มมากราคาเริ่มที่ 2หมื่นกว่าขึ้น (นอกจากช่วงโปรโมชั่นท่านจะได้สินค้าดีราคาถูก)
แดงอินโดเกรด A เกล็ดสีของปลาจะมีสีเข้มเงางาม เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่นิยมปลาแดง ราคาแพงกว่า ตัวขนาด 4” - 6” เริ่มที่ราคา 4 หมื่นบาทขึ้นไป สีที่ไม่เข้มมากราคาเริ่มที่ 2หมื่นกว่าขึ้น (นอกจากช่วงโปรโมชั่นท่านจะได้สินค้าดีราคาถูก)
3.ปลาตะพัดทองอินโด (Redtail Golden Arowana) (Scleropages formosus) แหล่งกำเนิดจากประเทศอินโดนิเซีย โตเต็มที่ขนาด 80cm.เป็นอีกสายพันธุ์ที่มีผู้นิยมเลี้ยงมาก เกล็ดสีทองหางสีแดงซึ่งเป็นที่มาของชื่อปลา Redtail Golden หรือเรียกชื่อย่อว่า RTG เกล็ดของปลาจะเปิดไม่สูงมาก การเปิดของเกล็ดจะเปิดเกล็ดที่ 4-5 หลังดำ สีภายในเกล็ดจะไม่เงางามสว่างมากเท่าทองมาเลย์ แต่ราคาก็เบากว่าหลายเท่าตัว
4.ปลาตะพัดเขียว (Green Arowana) (Scleropages formosus) แหล่งกำเนิดประเทศไทย ประเทศเขมร ประเทศมาเลเซีย โตเต็มที่ขนาด 80cm ในประเทศไทยได้พบในจังหวัดจันทบุรี สุราษธานี สตูล ปัจจุบันถ้ามีก็เหลือน้อยมาก ที่จำหน่ายในเมืองไทยปัจจุบันเป็นปลาที่นำเข้า ส่วนตัวปลาก็สวยงามไปอีกแบบ และมีราคาถูกที่สุดในสายพันธุ์ของทวีปเอเชีย
ทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่
1. ปลาอะราไพม่า (Arapaima) (Osteoglossiformes) แหล่งกำเนิดประเทศบราซิล(ชาวบ้านเรียกว่า Pirarucu) ประเทศเปรู
(ชาวบ้านเรียกว่า Paiche) ประเทศโคลัมเบีย ส่วนในเมืองไทยรู้จักกันอีกชื่อว่า ปลาช่อนยักษ์อะเมซอน อยู่ในแม่น้ำอะเมซอนซึ่งเชื่อมติดต่อกันหลายประเทศ
ได้ชื่อว่าเป็นปลาเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีหนวด เมื่อโตเต็มที่มีขนาด 4.5 เมตร น้ำหนัก 400 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้เร็ว กระโดดเก่ง และแข็งแรงมาก รอบตัวของมันมีเกล็ดสีเขียวเหลือบขนาดใหญ่ ท้องมีสีขาว โคนหางมีเกล็ดสีแดงกระจัดกระจายอยู่ทั่ว บ้านเราส่วนใหญ่นิยมเรียกกันว่า หางกุหลาบแดง
(ชาวบ้านเรียกว่า Paiche) ประเทศโคลัมเบีย ส่วนในเมืองไทยรู้จักกันอีกชื่อว่า ปลาช่อนยักษ์อะเมซอน อยู่ในแม่น้ำอะเมซอนซึ่งเชื่อมติดต่อกันหลายประเทศ
ได้ชื่อว่าเป็นปลาเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีหนวด เมื่อโตเต็มที่มีขนาด 4.5 เมตร น้ำหนัก 400 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้เร็ว กระโดดเก่ง และแข็งแรงมาก รอบตัวของมันมีเกล็ดสีเขียวเหลือบขนาดใหญ่ ท้องมีสีขาว โคนหางมีเกล็ดสีแดงกระจัดกระจายอยู่ทั่ว บ้านเราส่วนใหญ่นิยมเรียกกันว่า หางกุหลาบแดง
2.ปลาตะพัดเงิน (Silver Arowana) (Osteoglossum bicirrhosum) แหล่งกำเนิดประเทศบราซิล ประเทศเปรู อยู่ในลุ่มแม่น้ำอเมซอน และกิอานา (Guiana) โตเต็มที่ 120 cm ตะพัดเงินเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ลำตัวยาวและแบนเรียวยาวไปทางส่วนหางส่วนท้องแบนเป็นสัน ลำตัวจะมีสีเงินแวววาว ที่ขอบเกล็ดจะมีสีชมพูจางทุกเกล็ด ครีบกระโดงหลังและครีบทวารจะยาวจรดกัน เป็นปลาที่สวยงามอีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูกที่สุด เป็นที่แพร่หลายและนิยมเลี้ยง โดยเฉพาะผู้ที่หัดเลี้ยงปลาในกลุ่มนี้มักจะได้เริ่มจากสายพันธุ์นี้เป็นส่วนมาก
3.ปลาตะพัดดำ (Black Arowana) (Osteoglossum ferreirai) แหล่งกำเนิดประเทศบราซิล บริเวณแม่น้ำริโอนิโก บรานโก โตเต็มที่ 70 cm ปลาชนิดนี้มีรูปร่างและสีสันคล้ายคลึงกับปลาตะพัดเงินมาก คือส่วนหัวมีขนาดใหญ่และส่วนท้ายเรียวเล็ก ลำตัวยาวลึกและแบนข้าง เมื่อตอนเล็กจนถึงขนาด 6 นิ้วปลาจะมีแถบลายสีดำสลับเหลืองคาดตามความยาวลำตัว แต่เมื่อปลาเริ่มโตขึ้นแถบสีดำและเหลืองจะค่อยๆ จางหายไป โดยเกล็ดจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเงิน ครีบและส่วนหางจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินคล้ำจนเกือบดำ ขอบครีบหลัง ครีบทวารและหางจะมีสีชมพูอ่อน แลดูสดใสสวยงามมาก ปลาชนิดนี้ค่อนข้างจะเปราะบางและเลี้ยงยาก มักเกิดการตายในระหว่างที่มีการลำเลียงขนส่ง ทำให้ปลาตะพัดดำมีราคาต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่าปลาตะพัดเงิน
ทวีปอัฟริกา 1.ตะพัดอัฟริกา (African Arowana) (Heterotis Niloticus) แหล่งกำเนิดอัฟริกากลาง และ ตะวันตก อาศัยจากตอนบนของแม่น้ำไนล์ บริเวณอัฟริกาไปจนถึงฝั่งตะวันตก โตเต็มที 60 cm ลำตัวแบนและกว้าง ส่วนหัวหนาและสั้น ด้านบนโค้งเล็กน้อย ลำตัวด้านหลังและด้านข้างมีสีน้ำเงินอมดำ น้ำตาลอมเทา น้ำตาลอมแดงหรือน้ำตาลอมเขียว แล้วแต่น่านน้ำที่อยู่อาศัยของตัวปลา บริเวณท้องสีจะซีดกว่าด้านข้าง อาจจะมีสีครีมหรือน้ำตาลอมเหลืองบ้าง ครีบสีจะคล้ายกับสีลำตัว ปากจะสั้นกลม ริมฝีปากหนา ปากมีขนาดเล็กและมีฟันเต็มปาก เป็นปลาที่ไม่มีหนวด ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเลี้ยงกันนักในสายพันธุ์นี้
ทวีปออสเตรเลีย 1.ตะพัดออสเตรเลีย(Auatralia Arowana) มีอยู่ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ตะพัดออสเตรเลียจุด และ ตะพัดออสเตรเลียไม่มีจุด
ตะพัดออสเตรเลียจุด(Scleropages Jardini) แหล่งกำเนิดรัฐควีนส์แลนด์ ที่แม่น้ำ Dawson ออสเตรเลียจุด โตเต็มที่ 70 cm ลำตัวยาวเรียว บริเวณสันหลังตรง ลำตัวด้านหลังและด้านข้างลำตัวเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลอมเขียว หรือเหลืองอมเขียว บริเวณส่วนท้องสีจางกว่าลำตัว จุดสีส้มอมแดงและสะท้อนแสงบนเกล็ดแต่ละเกล็ดจำนวน 1-2 จุด ครีบหลังและครีบก้นสีเหลืองอ่อน ขอบครีบทั้งสองเข้มจนเกือบดำ
ตะพัดออสเตรเลียจุด(Scleropages Jardini)
ตะพัดออสเตรเลียจุด(Scleropages Jardini) แหล่งกำเนิดรัฐควีนส์แลนด์ ที่แม่น้ำ Dawson ออสเตรเลียจุด โตเต็มที่ 70 cm ลำตัวยาวเรียว บริเวณสันหลังตรง ลำตัวด้านหลังและด้านข้างลำตัวเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลอมเขียว หรือเหลืองอมเขียว บริเวณส่วนท้องสีจางกว่าลำตัว จุดสีส้มอมแดงและสะท้อนแสงบนเกล็ดแต่ละเกล็ดจำนวน 1-2 จุด ครีบหลังและครีบก้นสีเหลืองอ่อน ขอบครีบทั้งสองเข้มจนเกือบดำ
ตะพัดออสเตรเลียจุด(Scleropages Jardini)
ตะพัดออสเตรเลียไม่มีจุด (Scleropages leichardti) แหล่งกำเนิดทางตอนเหนือประเทศออสเตรเลีย และ หมู่เกาะนิวกีนี ประเทศอินโดนีเชีย ปลาชนิดนี้มีรูปร่างที่คล้ายปลาตะพัดทวีปเอเชียมากที่สุด โตเต็มที่ 70 cm ลักษณะที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ตะพัดออสเตรเลีย กับ ตะพัด ทวีปเอเชีย คือจำนวนแถวของเกล็ดมีมากแถวกว่า ตะพัดออสเตรเลียจะมีเกล็ด 7 แถว ในขณะที่ตะพัดทวีปเอเชีย มี เพียง 5 แถว ส่งผลให้ขนาดของเกล็ดปลาจะมีขนาดเล็กลง ขอบเกล็ดของปลาอะโรวาน่าชนิดนี้ จะออกสีส้ม เหลือบเขียว เป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น